หลังจากรุ่นใหญ่ของค่ายอย่างรหัส S และ Note ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรทั้งยังโดนคู่แข่งที่มาทีหลังแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดไป โดยเฉพาะหัวเว่ยที่ตอนนี้ทางซัมซุงและหลาย ๆ ยี่ห้อต่างรู้สึกแล้วว่ากำลังเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาดทุกระดับ ในขณะที่ในวงการมือถือกำลังเปลี่ยนมาเป็นกล้องหลังคู่ได้ไม่นานหัวเว่ยก็แซงหน้าทุกเจ้าด้วยการออกมือถือกล้องสามตัวตั้งแต่ช่วงกลางปี 2018 นั่นเป็นทำให้มือถือเจ้าอื่น ๆ กลายเป็นผู้ตามไปในทันที แต่ล่าสุด Samsung ไม่ยอมจำนน ด้วยศักดิ์ศรีความเป็นเจ้าของตลาดมาก่อน Samsung galaxy A9 (2018) จึงเป็นสมาร์ทโฟนตัวแรกของโลกที่มาพร้อมกล้องหลังถึงสี่ตัว ส่วนสเปคจะเป็นอย่างไรไปดูกัน

                คุณสมบัติ Samsung galaxy A9 (2018)

หน้าจอไร้ขอบ Infinity Display เทคโนโลยี Super AMOLED ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 1080 x 2220 กระจกทรงโค้ง 3D Glass

Android 8.0 OREO ครอบทับด้วย Samsung Experience UI เวอร์ชั่น 9.0 มีฟีเจอร์ซึ่ง Samsung ภูมิใจนำเสนอและจัดเต็มเหมือนรุ่นเรือธงอย่าง Bixby, Samsung Knox, Multi Windows, Always on Display, Game Launcher

หน่วยประมวลผลรุ่น Qualcomm Snapdragon 660 AIE ความเร็ว Octa Core 2.2GHz Quad + 1.8GHz Quad

RAM 6GB

หน่วยความจำภายใน 128GB สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้สูงสุดถึง 512GB

แบตเตอรี่ความจุ 3,800mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว

มาถึงไฮไลท์ของรุ่นนี้อย่างตัวกล้องถ่ายรูปสี่ตัวแบบเรียงแนวตั้งที่ Samsung ภูมิใจนำเสนอและลือกันว่าจะเป็นมาตรฐานในอนาคตสำหรับรุ่นเรือธงอย่าง S และ Note

กล้องหน้าความละเอียด 24 MP รูรับแสง F2.0

กล้องหลัง 4 ตัว ประกอบด้วย

กล้องหลัก 24ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.7

เทเลโฟโต้ 2X optical zoom 10ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.4

เลนส์อัลตร้าไวด์มุมมอง 120 องศา 8ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.4

เลนส์ Depth Camera 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 เลนส์ตัวนี้มีความพิเศษคือสามารถถ่ายภาพหน้าชัดฉากหลังละลายทั้งถ่ายภาพคนและวัตถุได้อย่างสวยงาม

ตัวกล้องสามารถถ่ายรูปได้ความละเอียดดังนี้ HD = 1280×720 , 1:1 = 1440×1440 , 18.5:9 = 2224×1080 , FHD = 1920×1080 ในส่วนของการถ่ายวิดีโอมีความละเอียดให้เลือกดังนี้ HD = 1280×720 , 1:1 = 1440×1440 , 18.5:9 = 2224×1080 , FHD = 1920×1080 [30fps] , UHD(4K) = 3840×2160 [30fps]

ราคา 19,990 บาท

บทสรุป Samsung galaxy A9 (2018) ก่อนเปิดตัวค่อนข้างเป็นที่ฮือฮา แต่หลังจากเปิดเผยคุณสมบัติและราคาแล้วกระแสที่เคยมีก็เงียบ ๆ ไป เนื่องจากเกิดข้อเปรียบเทียบในหลาย ๆ ด้าน ทั้งหน่วยประมวลผลที่ไม่ถือว่าใหม่นัก ราคาเปิดตัวก็สูงกว่าการคาดเดาไปมาก ในเรทราคานี้สำหรับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนระดับกลางก็ถือว่าแพงเกินไป ในขณะที่ผู้ใช้งานมือถือระดับท็อปก็มองว่าเพิ่มเงินอีกนิดใช้รุ่นท็อปไปเลยดีกว่า พฤติการณ์นี้หลายคนจึงมองว่าเป็นความพยายามขั้นแรกที่จะขีดเส้นให้สมาร์ทโฟนระดับกลางค่อนบนขึ้นไปแตะหลักสองถึงสามหมื่นเพื่อขยับราคาสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงของค่ายในอนาคตให้เข้าไปใกล้หลักครึ่งแสน ความสงสัยอีกแง่ในตัว Samsung galaxy A9 (2018) คือด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมามันทำให้มันดูเป็นรุ่นที่ซัมซุงเหมือนทำขู่มากกว่าทำขาย เพื่อภาพลักษณ์ว่าแบรนด์ของพวกเขาก็ทำได้ เพื่อลดช่องว่างไม่ให้ตัวเองดูกลายเป็นผู้ตามมากเกินไป เป็นต้น